พระพุทธทีปังกร




ประวัติพระพุทธทีปังกร

​​​นาวาอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์  สังขพงศ์ อดีตผู้บังคับการกองบิน ๑, นาวาอากาศเอก พุทฒิ  มังคละพฤกษ์ อดีตรองผู้บังคับการกองบิน ๑ และ นาวาอากาศเอก อิทธพร ศุภวงศ์ อดีตเสนาธิการกองบิน ๑ ในขณะนั้น มีความเห็นว่าพระพุทธทีปังกรซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำหน่วยของกองบิน ๑ ได้สร้างมานานแล้วและมีการย้ายที่ประดิษฐานหลายครั้ง

ปัจจุบันได้ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารพระพุทธทีปังกร ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ทางทิศตะวันออกของสนามบินเป็นการถาวรแล้ว หากไม่มีการบันทึกประวัติที่ถูกต้องต่อไปก็จะลืมเลือน จึงได้บอกบุญกับข้าราชการกองบิน ๑ และครอบครัว เพื่อร่วมกันจัดทำแผ่นจารึกประวัติพระพุทธทีปังกรขึ้น

นาวาอากาศโท วงศ์  พุ่มพูนผล ผู้บัญชาการโรงเรียนการบินในขณะนั้นเป็นผู้ริเริ่มและเป็นประธานในการเททองหล่อพระเมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๔๙๐ ที่ใกล้บริเวณโรงเรียนอนุบาลทหารอากาศ (เลิกกิจการแล้ว) แล้วจึงนำไปขัดตกแต่งให้ได้พุทธลักษณะที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ก่อนนำกลับมาประดิษฐาน ณ หอพระที่สระน้ำศุกรจันทร์

ต่อมา นาวาอากาศเอก กร  กนิษฐานนท์ ผู้บัญชาการโรงเรียนการบินอีกท่านหนึ่ง ได้สร้างศาลาขึ้นใกล้โรงเรียนทหารอากาศบำรุง (เก่า) และได้อัญเชิญพระพุทธทีปังกรจากหอพระเดิมมาประดิษฐาน ณ ศาลาหลังใหม่ ซึ่งเรียกกันว่า ศาลาทีปังกรตามชื่อองค์พระ

ในปี พ.ศ.๒๕๓๓ กองบิน ๑ ได้สร้างหอพระขึ้นใหม่เป็นการถาวรทางฝั่งทิศตะวันออกของสนามบิน จึงได้อัญเชิญพระพุทธทีปังกรมาประดิษฐาน ณ ที่แห่งใหม่อีกครั้งหนึ่งและให้ชื่อว่า วิหารพระพุทธทีปังกร พร้อมกับได้บันทึกประวัติตามที่เห็นอยู่ อนึ่งคำว่า ทีปังกร เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าองค์แรกในจำนวน ๒๔ พระองค์ ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก ซึ่งแปลว่า ผู้กระทำที่พึ่งหรือเป็นที่พึ่งแก่ชาวโลก หรือแก่เวไนยสัตว์

พระพุทธทีปังกร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒๗ นิ้ว หล่อด้วยทองเหลือง เป็นพระพุทธรูปประจำหน่วยทหารอากาศ และเป็นศูนย์รวมของข้าราชการและครอบครัวทหารอากาศ ณ จังหวัดนครราชสีมาตั้งแต่ต้น กล่าวคือได้สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๐ ในนามโรงเรียนการบิน และเป็นที่เคารพสักการะของครูการบิน และศิษย์การบินอย่างยิ่ง ต่อมาโรงเรียนการบินได้แปรสภาพเป็น กองบิน ๓ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๐ - ๒๕๒๑ โดยก่อนหน้านั้นคือในปี พ.ศ.๒๕๑๙ กองบิน ๑ ได้เริ่มเคลื่อนย้ายฝูงบินบางส่วนมาจากที่ตั้งดอนเมืองแล้ว และในที่สุดก็ได้กลายเป็นกองบิน ๑ จนกระทั่งปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาดังกล่าว ด้วยพทุธานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธทีปังกรยังเป็นที่สักการระของข้าราชการและครอบครัวอยู่เสมอมา และเชื่อได้ว่ายังคงเป็นอยู่ตลอดไป